สารบัญ
10 อันดับ น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี
1. น้ำมันเครื่องรถยนต์ PTT DYNAMIC COMMONRAIL 10W-30
2. น้ำมันเครื่องรถยนต์ SHELL Helix HX7 5W-40
3. น้ำมันเครื่องรถยนต์ PULZAR PZR FULLY SYNTHETIC 5W-40
4. น้ำมันเครื่องรถยนต์ MOBIL SUPER FRICTION FIGHTER 10W-40
5. น้ำมันเครื่องรถยนต์ Motul MULTIPOWER PLUS 5W30
6. น้ำมันเครื่องรถยนต์ PTT Lubricants PERFORMA SUPER SYNTHETIC
7. น้ำมันเครื่องรถยนต์ SHELL Helix HX7 G รถที่ใช้ก๊าซ 10W-40
8. น้ำมันเครื่องรถยนต์ Caltex โปรดีเอส ฟูลลี่ ซินเธติก อีโค่ 0W-20
9. น้ำมันเครื่องรถยนต์ Fortron 10W-30
10. น้ำมันเครื่องรถยนต์ Eni 5W-40
10 อันดับ น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี

1. น้ำมันเครื่องรถยนต์ PTT DYNAMIC COMMONRAIL 10W-30
- ออกแบบสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรล
- เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลของรถปิคอัพทั่วไป และรถเชิงพาณิชย์
- ใช้ได้กับเครื่องยนต์ดีเซลงานหนักที่แนะนำน้ำมันเครื่องเบอร์ความหนืด
- ด้วย CLEAN AND LOCK TECHNOLOGY คืนความสะอาดให้กับเครื่องยนต์และป้องกันคราบจับติด
- ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ และยืดอายุการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

2. น้ำมันเครื่องรถยนต์ SHELL Helix HX7 5W-40
- ป้องกันการสึกหรอได้ดีขึ้น 40% แม้เผชิญกับสภาพการจราจรในแต่ละวัน
- ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
- รักษาความสะอาดและป้องกันการก่อตัวของเขม่า
- สายประหยัด เน้นคุ้มค่า
- เหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงผสมเบนซิน/เอทานอล

3. น้ำมันเครื่องรถยนต์ PULZAR PZR FULLY SYNTHETIC 5W-40
- เหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง
- ใช้ได้กับเครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูงที่ติดตั้งเทอร์โบชาร์จเจอร์
- ช่วยเพิ่มแรงม้าและอัตราเร่งสูงสุด
- ช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาให้เครื่องยนต์สะอาดเหมือนใหม่
- ให้การหล่อลื่นและปกป้องเครื่องยนต์ได้อย่างดีเยี่ยม

4. น้ำมันเครื่องรถยนต์ MOBIL SUPER FRICTION FIGHTER 10W-40
- เทคโนโลยี Friction Fighter Molecule กรรมสิทธิ์เฉพาะ
- ปกป้องการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น
- ดูแลความสะอาดของเครื่องยนต์ได้อย่างดีเยี่ยม
- ปกป้องการทำงานของเครื่องยนต์ได้ดีเยี่ยมที่ช่วงอุณหภูมิสูง
- พิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์โดยลดปัญหาการจุดระเบิดผิดเวลาที่ช่วงความเร็วต่ำ

5. น้ำมันเครื่องรถยนต์ Motul MULTIPOWER PLUS 5W30
- น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ สูตร Technosynthese® ที่ช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน
- ปกป้องสำหรับเครืื่องยนต์เบนซิน ที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน และแก๊สโซฮอล์
- รวมถึงเครื่องยนต์เบนซิน ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ CNG/NGV และ LPG เป็นเชื้อเพลิง
- เพิ่มความสามารถในการปกป้อง เครื่องยนต์จากการสึกหรอ
- ช่วยลดโอกาสเกิดคราบเขม่า และตะกอนทำให้เครื่องยนต์สะอาด ยืดอายุการใช้งาน

6. น้ำมันเครื่องรถยนต์ PTT Lubricants PERFORMA SUPER SYNTHETIC
- เพิ่มความสะอาดของเครื่องยนต์อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะบริเวณลูกสูบ และลดโอกาสชิงจุดระเบิดที่รอบต่ำ
- ความเสียดทานต่ำพิเศษพร้อมฟิล์มน้ำมันแข็งแรงพิเศษด้วยเทคโนโลยี EVOTEC
- ช่วยลดการปล่อยก๊าซพิษไอเสียและคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
- ต้านทานการเสื่อมสภาพและการเกิดโคลนดียิ่งขึ้นตลอดระยะเปลี่ยนถ่ายที่ยาวนาน
- เหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซินทุกรุ่นที่ใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบทั่วไป

7. น้ำมันเครื่องรถยนต์ SHELL Helix HX7 G รถที่ใช้ก๊าซ 10W-40
- ป้องกันการสึกหรอได้ดีขึ้น 40% แม้เผชิญกับสภาพการจราจรในแต่ละวัน
- ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
- รักษาความสะอาดและป้องกันการก่อตัวของเขม่า
- สายประหยัด เน้นคุ้มค่า
- เหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และรถที่ใช้ก๊าซ

8. น้ำมันเครื่องรถยนต์ Caltex โปรดีเอส ฟูลลี่ ซินเธติก อีโค่ 0W-20
- ทำความสะอาดเครื่องยนต์ได้ดีเยี่ยม เพิ่มความสามารถในการชะล้าง ป้องกันการสะสมของคราบเขม่าที่บริเวณลูกสูบ
- ป้องกันการเกิด LSPI (Low Speed Pre-Ignition)
- ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
- รักษากำลังของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ทำงานเต็มสมรรถนะ ปกป้องทันที่สตาร์ท
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา มีเสถียรภาพทนต่อความร้อนสูง

9. น้ำมันเครื่องรถยนต์ Fortron 10W-30
- ผสมผสานด้วยน้ำมันเครื่องสังเคราะห์พิเศษและเทคโนโลยี Supreme Tech จากออสเตรเลีย
- Supreme Tech เพิ่มการหล่อลื่นสูงสุด พร้อมปกป้องไปในตัว
- รักษาความหนืดแม้เครื่องยนต์ร้อนจัด
- ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
- ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงทนทานกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ปกติถึง 1.75 เท่า

10. น้ำมันเครื่องรถยนต์ Eni 5W-40
- eni น้ำมันเครื่องคุณภาพสูง พัฒนาด้วยสูตรเฉพาะโดยสถาบันพลังงานอันดับ 1 จาก " อิตาลี "
- เหมาะสำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา และเกียร์ออโต้
- รองรับเครื่องยนต์ "เบนซิน และ ดีเซล" พร้อมเพิ่มสาร
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปกป้องเครื่องยนต์คุณภาพสูงสุด
- เพื่อช่วยหล่อลื่นเครื่องยนต์ให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด
แบรนด์ดัง น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยอดนิยม




วิธีเลือกซื้อ น้ำมันเครื่องรถยนต์ ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
การเลือกซื้อน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์มีความสำคัญมาก เพราะส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของเครื่องยนต์ อายุการใช้งาน และประสิทธิภาพโดยรวม โดยสิ่งที่ควรคำนึงถึงมีดังนี้:
✅ 1. ประเภทของน้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องมี 3 ประเภทหลัก ๆ:
น้ำมันแร่ (Mineral Oil) – เหมาะกับรถใช้งานทั่วไป หรือรถเก่า ราคาประหยัด
น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic) – มีคุณสมบัติดีกว่าน้ำมันแร่ แต่ยังไม่ถึงขั้นสังเคราะห์แท้
น้ำมันสังเคราะห์แท้ (Fully Synthetic) – ปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด เหมาะกับรถใหม่หรือรถที่ใช้งานหนัก
✅ 2. ค่าความหนืด (Viscosity Grade)
ค่าความหนืด เช่น 5W-30, 10W-40 มีความหมายว่า:
ตัวเลขหน้า “W” (Winter) – ความหนืดตอนเครื่องเย็น เช่น ตอนสตาร์ตรถ
ตัวเลขหลัง – ความหนืดตอนเครื่องร้อน (ตอนขับปกติ)
👉 เลือกตามคู่มือรถ หรือสภาพอากาศ ถ้าอากาศเย็นควรเลือกตัวหน้า W ต่ำ เช่น 0W หรือ 5W
✅ 3. มาตรฐานและการรับรอง
ดูว่ามีน้ำมันเครื่องผ่านมาตรฐานต่าง ๆ หรือไม่ เช่น:
API (American Petroleum Institute) เช่น SN, SP (ยิ่งตัวอักษรหลัง ๆ ยิ่งใหม่)
ACEA (ยุโรป) เช่น A3/B4, C3 เป็นต้น
OEM Approvals จากผู้ผลิตรถยนต์ เช่น Toyota, Honda, BMW
✅ 4. ระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
น้ำมันแร่: 5,000 – 7,000 กม.
กึ่งสังเคราะห์: 7,000 – 10,000 กม.
สังเคราะห์แท้: 10,000 – 15,000 กม. หรือมากกว่า
✅ 5. ประเภทของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซล ใช้น้ำมันเครื่องคนละแบบ
รถเทอร์โบ หรือ NA ก็อาจต้องการสูตรที่ต่างกัน
รถไฮบริดหรือไฟฟ้าบางรุ่นก็ใช้ชนิดเฉพาะ
✅ 6. ยี่ห้อ และราคา
แบรนด์ที่นิยม เช่น Mobil 1, Castrol, Shell, Valvoline, Liqui Moly, Total, Idemitsu, PTT ฯลฯ
ควรเลือกที่มีความน่าเชื่อถือ มีข้อมูลรองรับ และเข้ากับรถของคุณ
ถ้าบอกรุ่นรถ หรือสไตล์การขับ ผมช่วยแนะนำเฉพาะรุ่นน้ำมันเครื่องให้ได้นะครับ 😊
อยากได้แนวประหยัด หรือเน้นสมรรถนะ